วาซา (Vasa หรือ Wasa; การออกเสียงภาษาสวีเดน: [²vɑːsa]) คือเรือรบปลดระวางของประเทศสวีเดน ซึ่งสร้างขึ้นระหว่างปี 1626 และ 1628 เรือได้อับปางจมลงในการเดินเรือครั้งแรกเมื่อแล่นไปได้เพียง 1,300 เมตร (1,400 หลา) ในวันที่ 10 สิงหาคม 1628 แต่จุดที่เรือจมไม่เป็นที่ชัดเจนนัก แม้มีการเก็บกู้ปืนใหญ่สัมฤทธิ์ส่วนมากของเรือขึ้นมาได้ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 จนกระทั่งปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1950 จึงมีการพบตำแหน่งของเรือท่ามกลางเส้นทางเดินเรือที่วุ่นวายนอกอ่าวสต็อกโฮล์ม ตัวเรือถูกเก็บกู้ในปี 1961 และนำมาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ชั่วคราวที่เรียกว่า Wasavarvet (อู่เรือวาซา) จนกระทั่งปี 1988 เรือจึงได้ถูกย้ายมาเก็บรักษาถาวรที่พิพิธภัณฑ์เรือวาซาในอุทยานแห่งชาตินครหลวง (Royal National City Park) ในเมืองสต็อกโฮล์ม เรือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในประเทศสวีเดน โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนมากกว่า 35 ล้านคนตั้งแต่ปี 1961 ตั้งแต่เรือถูกค้นพบ วาซา ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ 'ช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่' ของประเทศสวีเดน
เรือถูกสร้างขึ้นภายใต้คำสั่งของกุสตาฟวัส อดอลฟัส (Gustavus Adolphus) กษัตริย์แห่งสวีเดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายอำนาจทางทหารเพื่อทำสงครามกับโปแลนด์–ลิทัวเนีย (1621–1629) เรือต่อขึ้นที่อู่ทหารเรือในสต็อกโฮล์มโดยวิสาหกิจเอกชนในระหว่างปี 1626–1627 มีการตกแต่งอย่างหรูหรา และติดตั้งอาวุธหลักซึ่งเป็นปืนใหญ่สัมฤทธิ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเรือและหล่อขึ้นในสต็อกโฮล์มเช่นเดียวกัน วาซาสามารถถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเรือติดอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลกในขณะนั้น แต่อย่างไรก็ตาม เรือกลับไม่มีเสถียรภาพและมีน้ำหนักมากเกินไปในโครงสร้างส่วนบนของตัวเรือ ส่งผลให้เรือจมลงภายในไม่กี่นาทีหลังเดินเรือและประสบกับกระแสลมแรง
คำสั่งให้แล่นเรือเป็นผลมาจากการรวมกันของหลายปัจจัย ได้แก่ กษัตริย์ซึ่งเป็นผู้นำกองทัพในโปแลนด์ในช่วงเวลานั้น ร้อนใจต้องการเห็นวาซาเป็นเรือธงของกองหนุนที่แอลสเนบิน (Älvsnabben) ในหมู่เกาะสตอกโฮล์ม และในขณะเดียวกันผู้ใต้บังคับบัญชาของกษัตริย์ยังขาดความกล้าหาญในการหารือถึงปัญหาของเรืออย่างเปิดเผยหรือดำเนินการเลื่อนการเดินเรือครั้งแรกออกไป คณะองคมนตรีแห่งสวีเดนได้เข้ามาทำการไต่สวนหาผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์การอับปางของวาซานี้ แต่สุดท้ายไม่มีใครถูกลงโทษ
ในช่วงปี 1961 มีการค้นพบโบราณวัตถุหลายพันชิ้นและซากศพของอย่างน้อย 15 ศพทั้งในและรอบ ๆ ตัวเรือวาซาโดยนักโบราณคดีทางทะเล ในบรรดาสินค้าที่ค้นพบมากมาย ประกอบด้วย เสื้อผ้า อาวุธ ปืนใหญ่ เครื่องมือ เหรียญ มีด อาหาร เครื่องดื่ม และใบเรือ สิ่งประดิษฐ์และตัวเรือเองได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าแก่นักวิชาการในรายละเอียดเกี่ยวกับยุทธนาวี เทคนิคการต่อเรือ และชีวิตประจำวันในต้นศตวรรษที่ 17 ของประเทศสวีเดน
ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 17 สวีเดนมีประชากรกระจัดกระจาย ยากจน และเป็นอาณาจักรทางยุโรปเหนือที่มีอิทธิพลเพียงน้อยนิดต่อมหาอำนาจที่สำคัญในการเมืองของทวีปยุโรป ระหว่างปี ค.ศ. 1611 และ 1718 สวีเดนมีอำนาจมากขึ้นในทะเลบอลติกจนในที่สุดก็ได้ครอบครองอาณาเขตที่ครอบคลุมทะเลบอลติกในทุกด้าน และนำไปสู่อำนาจในกิจการระหว่างประเทศและทางทหารที่เพิ่มขึ้นเรียกว่า stormaktstiden ('ยุคแห่งความยิ่งใหญ่' หรือ 'ช่วงพลังอันยิ่งใหญ่') ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยการสืบสันตติวงศ์ และการจัดตั้งรัฐบาลกลางที่มีอำนาจเต็ม สนับสนุนองค์กรทางทหารที่มีประสิทธิภาพสูง นักประวัติศาสตร์ชาวสวีเดนได้อธิบายว่านี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สุดโต่งที่สุดของรัฐยุคสมัยใหม่ช่วงต้นที่ใช้ทรัพยากรเกือบทั้งหมดในการทำสงคราม อาณาจักรเล็กๆทางเหนือได้แปรสภาพมาเป็นรัฐเศรษฐศาสตร์การทหาร (Fiscal-military state) และเป็นหนึ่งในรัฐการทหารมากที่สุดในประวัติศาสตร์