พระราชวังวินด์เซอร์

พระราชวังวินด์เซอร์ (ภาษาอังกฤษ: Windsor Castle) เป็นพระราชวังตั้งอยู่ที่วินด์เซอร์, มลฑลบาร์คเชอร์ในสหราชอาณาจักร สร้างโดยสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1070สถาปัตยกรรมเป็นแบบโรมาเนสก์ พระราชวังวินด์เซอร์เป็นพระราชฐานที่ยังมีผู้อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นพระราชฐานที่เก่าที่สุดที่มีผู้อยู่อาศัยที่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เริ่มสร้าง เนื้อที่การใช้สอยมีทั้งหมดด้วยกัน 484,000 ตารางฟุต หรือ 45,000 ตารางเมตร

พระราชวังวินด์เซอร์, พระราชวังบัคคิงแฮม ที่กรุงลอนดอน และพระราชวังโฮลีรูด (Holyrood Palace) ที่เอดินบะระ เป็นพระราชฐานหลักสามแห่งของพระราชวงศ์อังกฤษ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มักทรงใช้เวลาวันสุดสัปดาห์หลายวันที่พระราชวังวินด์เซอร์เป็นทั้งที่จัดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการและเป็นการส่วนพระองค์ ตำหนักซานดริงแฮมและ พระราชวังบาลมอรัลเป็นพระราชวังส่วนพระองค์

พระมหากษัตริย์และกษัตรีย์แห่งอังกฤษเกือบทุกพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงต่อการสร้างและการวิวัฒนาการของพระราชวังวินด์เซอร์โดยตลอด พระราชวังเคยใช้เป็นป้อมปราการ ที่อยู่อาศัย ที่ประทับอย่างเป็นทางการ และบางครั้งเรือนจำ ประวัติของพระราชวังจึงเกี่ยวพันกับประวัติของพระมหากษัตริย์และกษัตรีย์ของอังกฤษอย่างใกล้ชิด การศึกษาประวัติก็ทำได้โดยการศึกษาจากประวัติของรัชสมัยต่างๆ ของพระมหากษัตริย์ที่มาประทับ ในยามสงบจากศึกสงครามพระราชวังก็ได้รับการขยายเพิ่มเติมด้วยห้องชุดสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย ยามสงครามพระราชวังก็ใช้เป็นป้อมปราการด้วยการสร้างเสริมอย่างแน่นหนา ระบบนี้ก็ยังใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

อาณาบริเวณ

แผนผัง

พระราชวังวินด์เซอร์เปลื่ยนแปลงรูปทรงมากว่า 1,000 ปีตามกาลเวลา รสนิยม ความจำเป็น และสถานะภาพทางการเงินของพระมหากษัตริย์และกษัตรีย์ที่ประทับ แต่กระนั้นที่ตั้งของโครงสร้างหลักๆ ก็ยังตั้งอยู่ที่เดิมที่แรกสร้าง แผนผังใหม่ข้างล่างชี้ให้เห็นถึงจุดต่างๆ ตัวอย่างเช่นตัวพระราชวังปัจจุบันตั้งอยู่กลางเนินปราสาท (Motte-and-bailey) ตัวอักษร “A” บนแผนที่ ที่เป็นที่ตั้งของปราสาทไม้หลังแรกที่สร้างโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1

อักษรและความหมาย (ขวา)

  • A: หอกลม (The round tower)
  • B: ลานบน (Upper Ward หรือ The Quadrangle ที่เรียกกันในปัจจุบัน)
  • C: ห้องรับรอง (The State Apartments)
  • D: ห้องส่วนพระองค์ (Private Apartments) มองไปทางเนินตะวันออก
  • E: ปีกใต้ (South Wing) มองไปทางลองวอล์ค
  • F: ลานล่าง (Lower Ward)
  • G: ชาเปลเซนต์จอร์จ (St George's Chapel)
  • H: ระเบียงเกือกม้า (Horseshoe Cloister)
  • K: ประตูพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (ประตูหลัก)
  • L: ทางลองวอล์ค (The Long Walk)
  • M: ประตูนอร์มัน
  • N: เนินเหนือ
  • O: หอพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3
  • T: หอเคอร์ฟิว

สิ่งที่เห็นเด่นชัดที่สุดของพระราชวังวินด์เซอร์คือ “หอกลม” (“A”) ซึ่งความจริงแล้วเป็นหอกลวงที่มีรูปร่างที่ไม่กลมแต่ดูเผินๆ กลมบนเนินที่ถมขึ้นไป ตัวปราสาทตั้งอยู่บนป้อมปราการที่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลาง หอกลมแบ่งพระราชวังออกเป็นสองส่วนที่เรียกว่าวอร์ด (ward) “ลานล่าง” (“F”) เป็นที่ตั้งของชาเปลเซนต์จอร์จ (“G”) “ลานบน” (“B”) ล้อมรอบด้วยห้องชุดที่ประทับส่วนพระองค์ (“D”) และ “ห้องรับรอง” (“C”) รวมทั้งท้องพระโรงเซนต์จอร์จ (St George's Hall) ซึ่งเป็นห้องใหญ่ตกแต่งด้วยตราประจำตัวทั้งอดีตและปัจจุบันของผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์

อุทยาน

เนื้อที่รอบพระราชวังวินด์เซอร์เรืยกว่า “Home Park” เป็นอุทยานที่ประกอบด้วยฟาร์มสองฟาร์มและบ้านที่อยู่อาศัยของผู้ที่ทำงานในพระราชวัง นอกจากนั้นภายในอุทยานยังเป็นที่ตั้งของ คฤหาสน์ฟรอกมอร์ (Frogmore House) และอุทยานฟรอกมอร์ ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นบางครั้งแต่บริเวณส่วนใหญ่ของ “Home Park” เป็นบริเวณส่วนพระองค์ ทางด้านเหนือเป็นอุทยานใหญ่ “Windsor Great Park”

บริเวณอื่น

ใน “Home Park” ทางเหนือของพระราชวังเป็นโรงเรียนเซนต์จอร์จพระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชน ใช้เป็นที่ฝึกนักร้องเพลงสวดสำหรับชาเปลเซนต์จอร์จ วิทยาลัยอีตัน ตั้งอยู่ห่างจากพระราชวังประมาณหนึ่งไมล์ไปทางเหนือ

ประวัติการก่อสร้าง

ค.ศ. 1070–ค.ศ. 1350

พระราชวังวินด์เซอร์เดิมสร้างโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1ผู้ปกครองอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 1066 จนสวรรคตเมื่อปี ค.ศ. 1087 ปราสาทที่ทรงสร้างด้วยไม้สร้างบนเนินปราสาทที่เป็นที่ตั้งของ “หอกลม” (“A”) ปัจจุบัน เมื่อต้นรัชสมัยของพระเจ้าวิลเลียมทรงยึดคฤหาสน์ที่ปัจจุบันคือหมู่บ้านโอลด์วินด์เซอร์ซึ่งแต่เดิมอาจจะเป็นวังของเจ้านายแองโกล-แซ็กซอน ไม่นานหลังจากนั้นระหว่างปี ค.ศ. 1070 ถึงปี ค.ศ. 1086 ทรงเช่าที่ที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังปัจจุบันจากคฤหาสน์คลิวเอร์และทรงสร้างปราสาทบนเนินถมปราสาทแรก เนินที่ถมสูงประมาณ 50 ฟุตหรือ 15 เมตร ถมด้วยดินชอล์คที่ขุดจากบริเวณรอบๆ ที่ทำให้กลายเป็นคู

ในช่วงเวลานั้นปราสาทล้อมรอบด้วยกำแพงไม้[1] (palisade) แทนที่จะเป็นกำแพงหินเช่นที่เห็นกันทุกวันนี้ แผนผังเดิมและโครงสร้างของปราสาทจากสมัยพระเจ้าวิลเลียมสูญหายไปหมด แต่จุดประสงค์ของสิ่งก่อสร้างเพื่อใช้ในทางทหาร จากนั้นเป็นต้นมาปราสาทก็ใช้งานต่อเนื่องกันมาตลอดและได้รับการขยายเพิ่มเติมและบูรณะปฏิสังขรณ์เป็นระยะๆ ตลอดมา เชื่อกันว่าพระเจ้าวิลเลียมที่ 2ผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 เป็นผู้ปรับปรุงและขยายโครงสร้างแต่พระเจ้าเฮนรีที่ 1พระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกที่ประทับในปราสาท เพราะทรงเป็นกังวลถึงความไม่มั่นคงในราชบัลลังก์ และทรงฉลองเทศกาลเพ็นตะคอสต์ (Pentecost) ที่นั่นเมื่อปี ค.ศ. 1110 และในปี ค.ศ. 1121 ทรงเสกสมรสกับอเดลิเซีย แห่งลูแวงพระธิดาของกอดฟรีที่ 1 แห่งลูแวง ดยุคแห่งโลธารินเจียที่นี่เช่นกัน

หลักฐานแรกที่สุดของพระราชวังวินด์เซอร์ลงวันที่ในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ผู้ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี ค.ศ. 1154 ทรงก่อกำแพงหินแทนกำแพงไม้เดิมโดยมีหอคอยสี่เหลี่ยมเป็นระยะๆ โครงสร้างที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากยังคงพบได้ที่เนินตะวันออก พระเจ้าเฮนรีที่ 2 ทรงสร้างตัวปราสาท (Keep) ภายในปราสาทด้วยหินบนเนินที่ไม่สม่ำเสมอกลางปราสาท

ในปี ค.ศ. 1189, ปราสาทถูกล้อมในระหว่างการปฏิวัติของขุนนางครั้งที่หนึ่งในสมัยของเจ้าชายจอห์น กองกำลังทหารของจอห์นต่อสู้กับพวกปฏิวัติแต่ตัวพระองค์หนีไปฝรั่งเศส ต่อมาในปี ค.ศ. 1215 เจ้าชายจอห์นผู้กลายเป็นพระเจ้าจอห์น แห่งอังกฤษถูกบังคับให้ทรงลงพระนามในมหากฎบัตรที่รันนีมีดไม่ไกลจากปราสาทเท่าใดนัก ในปี ค.ศ. 1216 ปราสาทก็ถูกล้อมอีกครั้งแต่ครั้งนี้บริเวณลานล่าง (“F”) ได้รับความเสียหายแต่ก็ได้รับการซ่อมทันที่โดยพระเจ้าเฮนรีที่ 3ผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าจอห์น และทรงสร้างเสริมความแข็งแกร่งของปราสาทโดยการสร้างกำแพงเชิงเทินทางตะวันตกซึ่งยังอยู่เกือบทั้งหมดในปัจจุบัน (“T”) ในปี ค.ศ. 1227 ภายในหอประกอบด้วยอดีตคุก และบางส่วนของประตูลับแซลลี (Sally port) ซึ่งเป็นทางลับออกจากปราสาทเมื่อถูกล้อม ชั้นบนมีระฆัง (ค.ศ. 1478) และนาฬิกา (ค.ศ. 1689) หลังคาแบบโคนแบบฝรั่งเศสมาต่อเติมในคริสต์ศตวรรษที่ 19 พระเจ้าเฮนรีที่ 3 สวรรคตเมื่อปี ค.ศ. 1272 หลังจากนั้นก็ไม่มีการต่อเติมอะไรมากจนมาถึงรัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3ระหว่างปี ค.ศ. 1327 ถึงปี ค.ศ. 1377

ค.ศ. 1350–ค.ศ. 1500

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ทรงพระราชสมภพที่ปราสาทเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1312 มักจะเรียกกันว่า “เอ็ดเวิร์ดแห่งวินด์เซอร์” เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1350 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงรื้อปราสาทเก่าทิ้งและสร้างปราสาทใหม่ยกเว้นหอเคอร์ฟิว (“T”) และสิ่งก่อสร้างเล็กๆ อื่นๆ ทรงโปรดให้บาทหลวงวิลเลียมแห่งวิคแฮมเป็นผู้ออกแบบและดูแลการก่อสร้าง หอพระเจ้าเฮนรีที่ 2 หรือ หอกลมถูกสร้างแทนที่ด้วยสิ่งก่อสร้างปัจจุบันแต่มิได้ยกระดับสูงเท่าปัจจุบันจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 นอกจากนั้นก็ยังทรงสั่งให้เสริมสร้างความแข็งแกร่งเพื่อเพิ่มการป้องกันข้าศึกด้วย ชาเปลของปราสาทได้รับการขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากแต่มิได้สร้างวัดใหม่ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากปัญหาเรื่องความปลอดภัย และกำลังทรัพย์หลังจากเกิดกาฬโรคระบาดในยุโรป อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างในสมัยนี้คือประตูนอร์มัน (“M”) ซึ่งเป็นประตูใหญ่ที่ฐานหอกลมที่เป็นจุดสุดท้ายของการป้องกันข้าศึกก่อนที่จะเข้าสู่ลานบน (“B”) ซึ่งเป็นบริเวณพระราชฐานชั้นใน

ในปี ค.ศ. 1348 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 ทรงก่อตั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์ (Order of the Garter) ซึ่งพิธีการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ยังกระทำกันเป็นประจำทุกปีที่ชาเปลเซนต์จอร์จซึ่งเป็นชาเปลหลักของพระราชวัง ระหว่างปี ค.ศ. 1353 ถึงปี ค.ศ. 1354 ทรงสร้าง Aerary Porchภายในชาเปลเซนต์จอร์จ

ในปี ค.ศ. 1390 ในรัชสมัยของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ชาเปลเซนต์จอร์จอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมมากจนเกือบจะพังทลายลงมาจึงได้เริ่มการบูรณะปฏิสังขรณ์ โดยมีเจฟฟรี ชอเซอร์ (Geoffrey Chaucer) ข้าราชสำนักคนโปรดเป็นผู้ควบคุมงาน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นไปตลอดรัชสมัย ราวสิบปีก่อนชอเซอร์จะเสียชีวิตพระเจ้าริชาร์ดทรงพระราชทานของขวัญและสิ่งต่างๆ รวมทั้งเงินประจำปีจำนวน 20 ปอนด์สเตอร์ลิงตลอดชีพตั้งแต่ปี ค.ศ. 1394 และไวน์อีก 252 แกลลอนต่อปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1397 ชอเซอร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1400 ไม่ว่าความชำนาญหรือประสพการณ์ในการก่อสร้างของชอเซอร์จะเป็นเช่นใดชาเปลเซนต์จอร์จก็กลับมาอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมอีกภายในระยะเวลาเพียง 50 หลังจากการบูรณะปฏิสังขรณ์

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 (ค.ศ. 1461–ค.ศ. 1483) ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์ยอร์คองค์แรก เป็นผู้สร้างชาเปลเซนต์จอร์จที่เห็นกันในปัจจุบัน ชาเปลอันที่จริงแล้วมิใช่ชาเปลซึ่งหมายถึงวัดเล็กๆ ตามความหมายดั้งเดิมแต่เป็นมหาวิหารขนาดย่อและที่เก็บพระบรมศพ และที่เก็บพระศพ สถาปัตยกรรมเป็นแบบเพอร์เพ็นดิคิวลาร์กอธิค (Perpendicular Gothic) ระหว่างรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีที่ 7 ก็ได้มีการรื้อบางส่วนของชาเปลที่สร้างมาแต่เดิมออกเพื่อสร้างชาเปลพระแม่มารีแต่ก็ทรงละทิ้ง ชาเปลเป็นสิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งในทางสถาปัตยกรรมของพระราชวัง

การก่อสร้างชาเปลเป็นจุดสำคัญในการเปลื่ยนแปลงลักษณะของการก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมของพระราชวังวินด์เซอร์ หลังจากสงครามดอกกุหลาบบ้านเมืองก็มีความสงบขึ้นซึ่งทำให้สิ่งก่อสร้างในสมัยต่อมาจะคำนึงถึงความสะดวกสบายและแบบลักษณะทางสถาปัตยกรรมมากขึ้นกว่าที่จะคำนึงถึงความแข็งแรงในการป้องกันข้าศึกแต่เพียงอย่างเดียวเช่นที่เป็นมา หน้าที่ของปราสาทจึงเปลี่ยนจากการเป็นปราสาทมาเป็นพระราชวัง ที่เห็นได้จากการสร้าง “ระเบียงเกือกม้า” (“H”) ในปี ค.ศ. 1480 ที่สร้างใกล้ชาเปลเพื่อให้เป็นที่พำนักของนักบวช ตัวสิ่งก่อสร้างโค้งเป็นเกือกม้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 พระราชวังถูกบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 1871 จนสิ่งก่อสร้างเดิมเกือบจะไม่หลงเหลือ

ดูเพิ่ม

  • แผนผังมหาวิหาร
  • ประวัติศาสตร์อังกฤษ
  • สถาปัตยกรรมกอธิค
  • พระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษ

แหล่งข้อมูลอื่น

Шаблон:Commonscat-inline

แสดงความคิดเห็น
เคล็ดลับ & คำแนะนำ
Chee Wai Wong
17 september 2017
One of the must see attractions if you're spending more than a few days in London / on your way to Bath. Very beautiful. Beware of super super big crowds. Come early if you can.
Elina J
6 july 2013
Fantastic place to visit! Get a physical ticket beforehand to avoid the queue, there is also a hop on hop off bus right outside that takes you up to legoland and around Eton and Datchet.
David
18 june 2015
Impressive architecture. Interior is magnificent. Learn a lot about History of Great Britain. Very informative audio tour. Friendly staff. State apartments are fascinating.
Richard Peat
4 august 2018
Don’t forget if you’re a British taxpayer you can convert your entrance ticket into a year long pass at no extra cost by gift aiding your entrance fee and getting your ticket stamped on the way out.
D !
12 february 2016
Great tour to do around London. Have in mind that if you buy a London Pass the access is included, and it's cost almost half of the pass.
Deren Koray
30 september 2022
Queen Elizabeth II’s favorite Castle is now her new eternal resting place. Windsor Castle is the largest and oldest inhabited castle in the world!

โรงแรมใกล้เคียง

ดูโรงแรมทั้งหมด ดูทั้งหมด
Macdonald Windsor Hotel

ตั้งแต่วันที่ $241

Castle Hotel Windsor MGallery

ตั้งแต่วันที่ $404

Clarion Collection Harte and Garter Hotel and Spa

ตั้งแต่วันที่ $221

Travelodge Windsor Central

ตั้งแต่วันที่ $0

The Christopher Hotel

ตั้งแต่วันที่ $163

The Royal Adelaide hotel

ตั้งแต่วันที่ $163

สถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำอยู่บริเวณใกล้เคียง

ดูทั้งหมด ดูทั้งหมด
เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
St George's Chapel, Windsor Castle

St George's Chapel is the place of worship at Windsor Castle in

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Royal Windsor Wheel

The Royal Windsor Wheel is a non-permanent transportable Ferris wheel

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
วิทยาลัยอีตัน

วิทยาลัยอีตัน หรือ บางครั้งเรียกสั้นๆว่า อีตัน(อังกฤ

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Frogmore House

Frogmore House is a 17th-century country house standing at the centre

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Legoland Windsor

Legoland Windsor is a child-oriented theme park in Windsor, Berkshire

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Windsor Great Park

Windsor Great Park is a Royal Park of 2020 hectares (20.2 square

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Air Forces Memorial

The Air Forces Memorial, or Runnymede Memorial, near Egham, Surrey,

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์

ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ (English. London Heathrow Airport) หรือมักเรียกโด

สถานที่ท่องเที่ยวที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด ดูทั้งหมด
เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Linlithgow Palace

The ruins of Linlithgow Palace are situated in the town of Linlithgow,

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Falkland Palace

Falkland Palace in Fife, Scotland is a former royal palace of the

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
พระราชวังอิโอลานี

พระราชวังอิโอลานี (อังกฤษ: ʻIolani Palace) อยู่ในเข

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
Palace of Iturbide

The Palace of Iturbide (1779 to 1785) is a large palatial residence

เพิ่มในรายการที่ต้องการ
ฉันเคยมาที่นี่
มีผู้เข้าชม
พระราชวังกาแซร์ตา

พระราชวังกาแซร์ตา (อิตาลี: Reggia di Caserta; อังกฤ

ดูสถานที่ที่คล้ายกันทั้งหมด